เมื่อ DNA ทำลายความเชื่อมั่นของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
สโมสรที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ ไทยลีก ด้วยสถิติเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นสโมสรที่มีผู้เล่นระดับ ทีมชาติไทยอยู่ในทีม แต่วันนี้พวกเขากลับทำลายความเชื่อมั่นของแฟนบอล ด้วยคำว่า DNA ของสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด
‘เดอะ แรบบิท’ ในศึกฟุตบอล รีโว่ ไทยลีก ฤดูกาล 2022/23 เลือกใช้ มาโกโตะ เทกุระโม เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ที่นั่งแท่นคุมทีมมาตั้งแต่ช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา กับผลงานอันยอดเยี่ยม ด้วยการจบอันดับ 2 ทำคะแนนตาม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เพียง 2 คะแนน เท่านั้น ส่วนในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ‘เทกุซัง’ ก็พาทีมเข้าถึงรอบแปดทีมสุดท้าย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม บีจี ปทุม ก็ไม่แพ้ใคร เก็บผลเสมอยอดทีมจาก ออสเตรเลีย รวมไปถึงการเปิดบ้านเอาชนะ ชุนนัม ดรากอนส์ ทีมจากประเทศเกาหลีใต้ได้อีกด้วย
จากผลงานดังกล่าวทำให้อดีต โค้ชทีมชาติญี่ปุ่น ได้รับความไว้วางใจคุมทีมต่อในฤดูกาลนี้ พร้อมกับความคาดหวังจากเหล่าแฟนบอล ในการกลับขึ้นไปคว้าแชมป์ลีก หรือฟุตบอลถ้วยให้ได้ แต่พวกเขากลับเปิดฤดูกาลด้วยความพ่ายแพ้ต่อ ชลบุรี เอฟซี 0-1
หลังจากผ่านไปจนถึงนัดที่ 9 มาโกโตะ เทกุระโม ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยผลงานหลายๆ อย่างไม่เข้าเป้า โดยเฉพาะเกมเยือนที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครตลอดทั้ง 5 นัด ที่ลงเล่น จนถึงร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 7 ของตาราง ณ ขณะนั้น พร้อมตั้งแต่อดีตตำนานกองหลังของทีมชาว ออสเตรเลีย อย่าง แมทธิว สมิธ เข้ามานั่งเป็นเฮดโค้ชแทน
หลังจากนั้นทาง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสร ให้เหตุผลที่ปลด ‘โค้ชเทกุ’ แล้วใช้ลูกหม้อของทีมอย่าง แมตต์ สมิธ เพราะ “โค้ชเทกุ ใช้แต่ทีมชาติ ไม่ยอมโรเตชั่นใช้คนอื่น ถ้าใส่ ธีรศิลป์ แดงดา เป็นผู้รักษาประตูได้ คงใส่ไปแล้ว ดังนั้นถ้าเรายังยึดติดก็เหมือนไม่เปลี่ยนแปลง เราเลยทำทีมแบบกลับหัวเลย ไปเน้น DNA โค้ชที่รู้จักทีม”
ทำให้วลีคำว่า DNA ของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลายเป็นที่พูดถึงของแฟนบอลอย่างหนาหู และหากใครได้ติดตามฟุตบอลไทย รวมถึงเป็นแฟนบอลของ ‘เดอะ แรบบิท’ ก็คงทราบกันดีว่า บีจี ปทุม เป็นหนึ่งในทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าผู้สอนอยู่เป็นประจำ จนทำให้ผลงานของทีมไม่สม่ำเสมอ หากเทียบกับงบประมาณที่ลงทุนไป
ตามปกติแล้วการเปลี่ยนแปลงย่อมต้องการผลลัพธ์ที่ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ผลงานการคุมทีมของ แมตต์ สมิธ แม้จะเปิดหัวได้อย่างงดงามด้วยการเอาชนะ เกษมบัณฑิต เอฟซี 3-0 ในฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ และบุกไปถล่ม นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 5-0 ในศึก ไทยลีก แต่หลังจากนั้น ฟอร์มการเล่นของ บีจี ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ เปิดบ้านแพ้ สุโขทัย เอฟซี บุกไปแพ้ ลำพูน วอริเออร์ 0-3 ทั้งๆ ที่คู่แข่งอยู่ในโซนหนีตาย รวมถึงในนัดล่าสุดก็เปิดบ้านแพ้ หนองบัว พิชญ เอฟซี 1-3 ซึ่งเป็นทีมบ๊วยของลีก
ทำให้ความเชื่อมั่น ความศรัทธา ที่แฟนบอล ‘กระต่ายแก้ว’ มีต่อสโมสร มีต่อผู้บริหารเริ่มสั่นคลอน โดยเฉพาะในโลกโซเชียลมีเดีย มีแฟนบอลหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างเผ็ดร้อน ถึงแนวทางบริหาร และการทำทีมที่ไม่เห็นหัวของแฟนบอล จนลามไปถือการชูป้าย #Smithout หรือกระทั่งการวิพากษ์วิจารณ์ประธานสโมสรว่าเป็นคนดื้อ มากกว่าโค้ชเทกุ ที่เพิ่งปลดไป
จากการปลดโค้ชเพื่อสร้างรากฐานทีม เพื่อการนำ DNA ที่แท้จริงของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กลับมายังสโมสรตามคำที่บอร์ดบริหารทีมกล่าวอ้าง สู่ผลงานปัจจุบันที่แพ้มา 3 นัดติดต่อกัน ในศึก ไทยลีก ทีมก็ร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 9 มีคะแนนห่างจากโซนตกชั้นเพียง 8 คะแนน ส่วนฟุตบอลถ้วยก็เหลือให้ลุ้นเพียงรายการเดียวคือ รีโว่ ลีก คัพ ที่ทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ เรียกได้ว่าผลงานของทีมต่างจากสิ่งที่คาดหวังเอาไว้ เมื่อช่วงต้นฤดูกาลอย่างสิ้นเชิง
สุดท้ายแล้ว บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะยังคงทนเชื่อมั่นในหลัก DNA ของสโมสร ด้วยการใช้ แมทธิว สมิธ คุมทีมต่อไป หรือจะยอมฟังเสียงเรียกร้องของแฟนฟุตบอล ให้ปลดเฮดโค้ชชาวออสเตรเลีย แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ช้าเกินไปในฤดูกาลนี้ กับการไล่ตามความสำเร็จของ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด